เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า
ในช่วงสุดท้ายก่อนลมหายใจดับสูญ จิตวิญญาณดับสลาย ในลมหายใจสุดท้ายนั้นคุณนึกถึงสิ่งใดกัน...
ผู้เข้าชมรวม
96
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
「ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ตัวตนของฉันได้มีความหมายกับใครบ้างรึเปล่านะ?」
ความคิดคำนึงช่วงเวลาสุดท้ายของหญิงสาวคนหนึ่งได้ผุดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะตายในอีกไม่ถึง1ชม.ข้างหน้า สภาพร่างกายเธอในตอนนี้ที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เธอรู้ตัวดีและทำได้แค่รอความตายเท่านั้น
ความตายอยู่ตรงหน้า ไม่มีทางหลีกหนีได้ ไม่มีใครช่วยเหลือได้ นี่คือเวลา1ชม.สุดท้ายที่เธอจะได้อยู่บนโลกใบนี้
“โอ๊ย อีญา ! แกจะมาปรัชญาอะไรเนี่ย !! ชีวิตแกมันมีความหมายกับพวกฉันอยู่แล้ว เพราะงั้นขอร้องล่ะอย่าพูดอะไรที่มันน่าเศร้าไปมากกว่านี้เลยยยย”
ญาริน หญิงสาววัยทำงานอายุ40ปีที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้ายถูกเพื่อนสาวของเธอต่อว่า
“ยัยส้ม ถึงแกจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแต่อีกเดี๋ยวฉันก็จะได้พักผ่อนไปชั่วนิรันดร์อยู่แล้ว สภาพร่างกายฉันมันไม่ไหวแล้ว แกเองก็น่าจะรู้ดี เพราะงั้นก่อนที่ฉันจะหลับไปช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นกันหน่อยเถอะ”
“มันแน่อยู่แล้ว ! มีอะไรว่ามาเลยฉันจะรับฟังแกเอง”
“ขอบใจ”
ญารินรู้สึกดีใจมากที่อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนดีๆในชีวิตกับเขา นี่อาจจะเป็นโชคเพียงอย่างเดียวในช่วงลมหายใจสุดท้ายก็เป็นได้
“ชีวิตที่ผ่านมาของฉันตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันตั้งใจเรียนให้ได้คะแนนดีมาตลอดเพื่อให้เข้ามหาลัยดังๆได้ตามที่พ่อแม่คาดหวังไว้ และฉันก็ทำสำเร็จได้จริงๆ ฉันรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมาก”
“แต่สิ่งที่แกแลกมาก็คือช่วงเวลาวัยรุ่นที่เสียไปเพราะเรื่องเรียนใช่มั้ยล่ะ ขนาดมีผู้ชายมาจีบแกยังไม่สนใจเลยนี่ แกเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังซ้ำตั้งหลายรอบละ นี่ถ้าเป็นเทปคลาสเซ็ตคงเทปยืดไปหลายรอบละมั้ง”
“สมัยนี้ไม่มีใครเขาพูดถึงเทปคลาสเซ็ตกันแล้วนะ แกนี่ใช้ศัพท์ได้แก่สมวัยจริงๆยัยส้ม ฮ่าๆ”
“ช่างฉันเถอะย่ะ !”
“แต่ก็อย่างที่แกว่ามานั่นแหละ ตัวฉันเสียเวลาช่วงวัยรุ่นไป แถมตอนนี้ก็ไม่มีแฟนกับเขาเพราะเอาแต่บ้างาน ทำงานงกๆมาตลอดหลายปี ซึ่งทุกอย่างก็เพื่อตำแหน่งในหน้าที่การงานและเงินเดือนที่สูงขึ้น…”
“สุดท้ายจู่ๆก็เกิดปวดบริเวณท้องตอนทำงาน แล้วพอไปตรวจก็พบว่าเป็นมะเร็งระยะที่4แล้ว…สินะ”
“ใช่ วินาทีที่ฉันรู้ผลตรวจเท่านั้นแหละโลกของฉันมันก็พังทลายไม่มีชิ้นดีเลย เงินทองที่ใช้เวลาหามาหลายปีสุดท้ายก็กลายเป็นเพียงค่ารักษาตัวอย่างที่เห็น ตำแหน่งที่ได้มาก็กลับกลายเป็นไร้ค่า ก่อนหน้านี้ที่ลางานมารักษาตัวช่วงแรกๆก็โอเคอยู่หรอก แต่พอลาบ่อยเข้าเรื่อยๆบริษัทก็เรียกไปคุยเพื่อขอยกเลิกสัญญาจ้างเพราะมองว่าคนแบบนี้ไม่น่าทำประโยชน์อะไรให้องค์กรได้ในระยะยาวอีกต่อไปแล้ว ดูน่าทุเรศดีใช่มั้ยล่ะ อุตส่าห์พยายามประคองสิ่งสำคัญในชีวิตมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องเงิน สุดท้ายแค่มะเร็งโผล่มาทุกอย่างในชีวิตกลับพังไม่มีชิ้นดี พูดแล้วก็ดูตลกร้ายดีนะ ว่างั้นมั้ยยัยส้ม”
“….ฉันว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่ามั้ย?”
“ไม่ล่ะ เวลาฉันไม่เหลือแล้ว ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วจะให้พูดตอนไหนอีกล่ะจริงมั้ย”
“……..”
ทั้งคู่ต่างนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง แต่แล้วญารินก็เริ่มพูดต่อ
“วันนี้ฉันดีใจนะที่แกมาดูใจฉัน พ่อกับแม่ฉันก็เสียไปนานแล้ว คนอื่นๆก็ติดงานประจำกันจนไม่มีเวลามาเยี่ยมได้ ก็มีแค่เพื่อนสมัยมัธยมอย่างแกคนเดียวเท่านั้นแหละที่มาเยี่ยมฉันได้เพราะเป็นฟรีแลนซ์ ดูๆไปถึงเงินทองจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็ดูมีความสุขดี ฉันล่ะนึกอิจฉาแกจริงๆ ตอนนี้ฉันเข้าใจเลยว่าจริงๆแล้วสุดท้ายคนเราก็ต้องการแค่ใครสักคนที่เข้าใจเรา เงินทองไม่มียังหาใหม่ได้ แต่เพื่อนอย่างแกมันหาใหม่ไม่ได้จริงๆ ขอบใจนะยัยเพื่อนรัก”
“ไม่ต้องพูดชวนซึ้งเลย”
“จริงๆถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็อยากทำ…… เอ๊ะ? ยัยส้ม นี่แกร้องไห้อยู่เหรอ”
สิ่งที่ญารินเห็นตรงหน้าคือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของส้มในขณะนั้น และดูเหมือนว่าส้มเองก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
“เอ๊ะ นี่ฉันร้องไห้เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ แต่ก็เข้าใจได้อยู่หรอก”
“เอาจริงๆแล้วแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึไง นี่แกกำลังจะตายนะ ! น่าจะเครียดจนไม่น่าทนรับไหวเลยนี่แล้วทำไมถึงยังดูสงบนิ่งได้แบบนี้อีกล่ะ ! ฉันไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ”
ทันทีที่ส้มพูดจบ ญารินก็นิ่งไปพักนึงแล้วจึงตอบกลับว่า
“คงเพราะ…ถึงฉันเสียใจไปก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้อยู่ดี คิดแล้วก็เหนื่อยเปล่านะ เพราะงั้นสิ่งที่ฉันทำได้ตรงนี้และตอนนี้คือให้ความสำคัญกับการคุยกับแกยังไงล่ะ”
“…….”
“ที่ผ่านมาฉันทำตามความคาดหวังของคนอื่นมาเยอะพอแล้ว ทั้งความคาดหวังของพ่อแม่ ของเพื่อนร่วมงาน มันเหมือนฉันทุ่มเทเพื่อความต้องการของคนอื่นมาตลอด ซึ่งพอถึงช่วงเวลาสุดท้ายแบบนี้ฉันก็อยากถามเหมือนกันว่าฉันทำไปทำไมนะ ทำไมที่ผ่านมาฉันถึงไม่ทำเพื่อความต้องการของฉันเองบ้าง มัวแต่รับใช้ความฝันของคนอื่นจนไม่คิดถึงตัวเองเลย มันช่างบ้าบอสิ้นดี”
“แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้แกอยากทำอะไรเพื่อตัวแกเองล่ะ….เด็กหญิงญาริน”
ส้มแอบพูดกวนญารินเล็กน้อย
“นั่นสินะ ก็คงจะเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงมั้ง ฮ่าๆ”
“แกพูดจริงดิ อย่างแกเนี่ยนะไม่อยากจะเชื่อ คนเรียนจบเกียรตินิยมอันดับ1จากมหาลัยอันดับหนึ่งอย่างแกพอมาพูดแบบนี้ฟังดูแปลกๆแฮะ ถึงฉันจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กแต่ก็ไม่เคยได้ยินแกพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย”
“ฉันจะพูดได้ไงเล่า ถ้าตอนมัธยมขืนฉันพูดไปทุกคนก็หัวเราะเยาะกันพอดีสิ เด็กห้องคิงอย่างฉันพูดไปมันก็ดูแปลกๆใช่มะ เพราะงั้นก็เลยเลือกที่จะไม่พูดออกไป แต่ตอนนี้พูดได้ละเพราะไม่มีอะไรต้องปิดบังมันอีกแล้ว”
“อ้าว แล้วทำไมถึงสนใจอยากเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงล่ะ?”
“คงเพราะฉันชอบมัดถุงแกงให้ถุงมันป่องๆไง มันสนุกดี ฮ่าๆๆ”
“ไม่ใช่ละ เอาจริงๆดิ”
“จริงนะ สมัยก่อนฉันชอบร้านข้างแกงแถวบ้านอยู่ร้านนึง ป้าแกทำอะไรก็อร่อยไปหมด ทุกคนที่มากินก็ดูมีความสุขดี ฉันเห็นแบบนั้นแล้วก็เลยอยากเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงเหมือนป้าคนนั้นบ้าง ตอนนั้นฉันเลยฝึกมัดถุงแกงทุกวันเลย ตลกดีใช่มั้ยที่ความฝันตอนเด็กฉันมันดูบ้านๆขนาดนี้”
“ไม่หรอก บางทีก็อาจจะเหมาะกับแกก็ได้”
“ไว้ฉันเปิดร้านข้าวแกงบนสวรรค์แล้วจะเพจเจอร์มาบอกแกนะ”
“เหอะ สมัยนี้ใครเขาใช้เพจเจอร์กัน แกเองก็ใช้ศัพท์ได้แก่เหมือนกันไม่ใช่รึไง”
“………………..”
“………อีญา”
“…………………………..”
“ !!? ”
ตอนนี้ ญารินได้จากไปอย่างสงบแล้ว
“อีญาาาา ตื่นสิ !!”
「ความตาย มักจะมาเร็วกว่าที่คิดเสมอ」
“ใครก็ได้ ช่วยมาตรงนี้ที !!!”
「และความตายก็มักจะมาโดยไม่รู้ตัว」
“ใครก็ได้ !!!”
ความตาย ให้ความเท่าเทียมกับทุกสรรพสิ่ง
และความตาย คือความจริง
จงอยู่กับปัจจุบันขณะ
และอย่าเสียใจ กับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
แต่จงทำ ในสิ่งที่ตอนนี้ยังทำได้
- ทั้งหมดนั้น ก็เพื่อตัวคุณเอง -
THE END
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ Boytaofai ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Boytaofai
ความคิดเห็น